Vice (2018) รองประธานาธิบดีทรงอิทธิพล

7.2/10

ดูหนัง Vice (2018) รองประธานาธิบดีทรงอิทธิพล พากย์ไทย

6,288

ขอให้ทุกคนดูหนังให้สนุกนะคะ

เรื่องย่อ : "Vice" เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวของ ดิก เชนีย์ (Dick Cheney) บุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในรองประธานาธิบดีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา โดยหนังนำเสนอเรื่องราวของเขาตั้งแต่วัยหนุ่ม ไปจนถึงช่วงเวลาที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดทางการเมือง ผ่านมุมมองที่เสียดสีและแฝงอารมณ์ขันอย่างเฉียบแหลม จากชายหนุ่มขี้เมาสู่การเมืองทำเนียบขาว เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงทศวรรษ 1960 ดิก เชนีย์ (รับบทโดย คริสเตียน เบล) เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาจากไวโอมิงที่ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เขาเป็นคนขี้เมา ไม่เอาไหน และโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเยล หลังจากถูกภรรยา ลินน์ เชนีย์ (Amy Adams) ออกปากเตือนอย่างจริงจังว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มิฉะนั้นเธอจะทิ้งเขาไป เชนีย์จึงเริ่มต้นปรับตัวและมุ่งหน้าสู่เส้นทางการเมือง เชนีย์ได้เข้าทำงานในวอชิงตัน ดี.ซี. ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐสภา และกลายเป็นลูกศิษย์ของ โดนัลด์ รัมส์เฟลด์ (Steve Carell) นักการเมืองผู้ทะเยอทะยานและโหดเหี้ยม รัมส์เฟลด์สอนให้เขาเข้าใจว่า "อำนาจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด" ซึ่งกลายเป็นหลักการที่เชนีย์ยึดมั่นตลอดชีวิตทางการเมืองของเขา เส้นทางสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี หลังจากทำงานในรัฐบาลมาหลายปี เชนีย์ก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช (George H.W. Bush) และต่อมาได้เป็นซีอีโอของบริษัท Halliburton ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แต่แล้วในปี 2000 เชนีย์ได้รับโอกาสสำคัญเมื่อ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) บุตรชายของอดีตประธานาธิบดี ได้ขอให้เขาเป็นคู่หูลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เชนีย์ตกลงรับตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่มีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องมีอำนาจบริหารที่แท้จริง ซึ่งต่างจากรองประธานาธิบดีทั่วไปที่มีบทบาทเพียงแค่พิธีการ เมื่อบุชชนะการเลือกตั้งในปี 2000 เชนีย์ก็เริ่มเข้าควบคุมอำนาจในทำเนียบขาวอย่างเต็มรูปแบบ โดยเข้ากุมการบริหารด้านนโยบายต่างประเทศ กลาโหม และพลังงาน เหตุการณ์ 9/11 และอำนาจของเชนีย์ หลังจากเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 เชนีย์ใช้โอกาสนี้ผลักดันนโยบายสงครามต่อต้านการก่อการร้าย รวมถึงการรุกรานอิรัก โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง "อาวุธทำลายล้างสูง" แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดก็ตาม นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้เทคนิคสอบสวนที่รุนแรง (Torture) และการสอดแนมประชาชนภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ตลอดการดำรงตำแหน่ง เชนีย์ใช้เครือข่ายของเขาเพื่อควบคุมกลไกของรัฐบาล ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในรัฐบาลบุช โดยมีการใช้บริษัทเอกชนอย่าง Halliburton ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ซึ่งนำไปสู่ผลประโยชน์มหาศาลสำหรับภาคธุรกิจพลังงาน ผลกระทบและมรดกทางการเมืองของเชนีย์ เมื่อรัฐบาลบุชสิ้นสุดลง เชนีย์กลายเป็นบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เขาถูกมองว่าเป็นผู้ผลักดันสงครามอิรักโดยไร้เหตุผล และเป็นตัวแทนของ "การเมืองอำนาจนิยม" ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับโทษทางกฎหมายใดๆ แต่ชื่อเสียงของเขาถูกจารึกไว้ในฐานะนักการเมืองที่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและกลุ่มผลประโยชน์มากกว่าประชาชน